Tuesday, 18 September 2012

มินิกาพย์ : สงครามยึดพื้นที่ (ครัว++) - สงครามตลอดกาล

ความเดิมตอนที่แล้ว ... หลังจากปฏิบัติการ "Smoke Their Arses" ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จนเกือบจะเชื่อว่าหมด หมดแน่ ๆ ชนะอย่างเด็ดขาดแน่นอนแล้ว โดยไม่ต้องเิปิดแนวรบทางบก แต่แล้ว ข้าศึกก็ส่งหน่วยม้าเร็ว มาส่งสัญญาณ (ขี้เย้ย) ว่า สงครามยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ หึ หึ หึ จัดไปครับพี่น้อง

เปิดแนวรบทางบก - สงครามอาวุธเคมี

Note : อาวุธเคมีเป็นหนึ่งในกลุ่มอาวุธร้ายแรง หรือ weapon of mass destruction (WMD) โดยอีกสองชนิดคือ นิวเคลียร์ และอาวุธชีวภาพ จำได้ไหมครับ ตอนปี 2003 สหรัฐฯ ส่งกองกำลังบุกเข้าอิรัก เปิดสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งที่ 2 ภายใต้การนำของประธานาธิบดี จอร์จ บุช (คนลูก) เพื่อจัดการประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน เนื่องจากเชื่อว่า อิรักครอบครอง WMD ซึ่งนับเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ แต่สุดท้ายก็หาไม่เจอครับ หน้าแหกไปตามระเบียบ - ให้ข้อมูลเฉย ๆ นะครับ และในการปฏิบัติการของผมนี้ไม่ได้ใช้อาวุธเคมีจริง ๆ แต่อย่างใด แต่แน่นอนครับ มีแมลงสาบตายในการปฏิบัติการนี้จริง

หลังจากโดนเย้ย ผมได้หารือกับทีม เสธ. (เสนาธิการ) และหน่วยข่าวกรองเพื่อประมวลข้อมูลก่อนวางแผนการรบขั้นต่อไป ข้อมูลทำให้เราทราบว่า ระเบิดควันจะไม่ทำอันตรายต่อไข่ข้าศึก และข้าศึกบางส่วนอาจจะสามารถทนกับระเบิดควันได้ เพราะมีความอึดเป็นเกราะ ก็ขนาดมีบรรพบุรุษเป็นเพื่อนกับไดโนเสาร์มาแล้ว ไม่ธรรมดาครับ ไม่ธรรมดา

ไข่ข้าศึกมีระยะเวลาฟักเป็นตัวประมาณ 30-46 วัน แปลว่าถ้ามีไข่ที่มีอายุถึงตามนี้ ย่อมสามารถฟักได้ทุกเมื่อ !! เมื่อฟักแล้วจะโตเต็มวัยในระยะเวลา 7 วัน และจะเริ่มผสมพันธุ์ตั้งแต่เห็นโลกได้ 4-7 วัน ... ช่างเป็นวัฏจักรที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ช้าไม่ได้เลย

เราจึงตัดสินใจ เปิดแนวรบทางบกในทันที ... แต่ดันไม่มียุทโธปกรณ์ซะนี่

ตอนแรกวางแผนว่าจะวางกับระเบิด (บ้านแมลงสาบ) ซึ่งรอผู้ที่เป็นห่วงสวัสดิภาพของผมจัดหาและส่งมาใ้ห้จากประเทศไทย แต่ก็เห็นว่าเป็นยุทธวิธีที่เน้นการตั้งรับมากกว่า แต่จังหวะนี้ต้องรุกคืบอย่างเดียวเพื่อทำลายฐานที่มั่นข้าศึกให้ราบคาบครับ ต้องกวาดล้างให้หมดโดยเร็วที่สุด .ข้าศึกอ่อนแอ ต้องรีบซ้ำ"  ไม่งั้นอาจจะกลายเป็นสงครามติดพัน ยืดเยื้อ แล้วเราจะเสียเปรียบแน่นอนครับ เพราะข้าศึกสามารถสร้างกองกำลังจำนวนมากขึ้นใหม่ได้อย่างรวดเร็วอย่างน่าตระหนก อีกทั้ง ทรัพยากรเราก็ร่อยหลอไปเรื่อย ๆ ครับ ระเบิดควันก็หมดไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถเปิดการโจมตีทางอากาศได้ซ้ำอีกในเวลาอันใกล้นี้

2 วันถัดมาผมจึงได้จัดหาอาวุธเคมีหลัก คือ ยาฉีดแบบมีหัวเล็กทะลุทะลวง โดยได้รับข้อมูลสารเคมีจากทีม เสธ. ว่า ให้เลือกใช้สารเคมีกลุ่ม Pyrethroid เช่น Cypermethrin, Permethrin หรือ Deltamethrin กว่าจะหาได้ ไม่ง่ายเลยครับ สุดท้ายได้ Deltamethrin มาพร้อมหัวรบทะลุทะลวง

เช้าตรู่วันถัด ได้เปิดแนวรบอย่างเป็นทางการ และเริ่มการรุกคืบ บุกโจมตีฐานที่มั่นทางบก เน้นเฉพาะที่ ๆ น่าจะเป็นที่มั่นของศัตรู แต่ไม่เห็นตัวนะครับ ซอกอะไรทั้งหลาย ซอกต่าง ๆ ยิ่งเป็น build-in จะมีพวกช่องต่าง ๆ ที่เราไม่รู้ว่ามีอยู่ เช่น ช่องว่างระหว่างพื้นครัวกับพื้นตู้ หรือลิ้นชัก ก็ต้องซอกแซกเข้าไปให้ได้มากที่สุดครับ เราส่งขีปนาวุธโจมตีแบบจัดเต็ม ไม่มียั้ง

ผ่านไป 1 สัปดาห์หลังการโจมตีทางบก ไม่พบหลักฐานความสูญเสียของฝ่ายตรงข้าม แต่ก็ไม่พบหลักฐานของการคงอยู่เช่นกัน

เราจึงถล่มซ้ำอีก 1 รอบ พร้อมขยายแนวป้องกันโดยการฉีดเบา ๆ ตามมุมในห้องอื่น ๆ เพื่อป้องกันการขยายแนวรบของฝั่งตรงข้าม ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดีครับ จนกระทั่ง ... จนกระทั่ง วันที่ทหารราบมือสังหารฝ่ายข้าศึกเกือบเข้าถึงตัวผมในห้องนั่งเล่น ... มันเปิดแนวรบใหม่จนได้

วันนั้นประมาณ 4 ทุ่ม ผมกำลังนอนดูทีวีอยู่ที่โซฟา กำลังเคลิ้ม ๆ จะคล้อยหลับ แต่แล้ว ก็เห็นทางหางตาว่าเหมือนมีอะไรเคลื่อนไหว ๆ ใกล้เข้ามาแล้วก็หยุด ตอนนั้น ด้วยอารมสลึมสลือ จึงคิดว่า ตาพร่าไป แต่ในบัดนั้นเอง ชั่วเสี่ยววินาที จิตใต้สำนึกก็ปลุกสติขึ้นมาว่า "เห้ย แม่งมีอะไรแน่ ๆ" เท่านั้น แหละครับ ลุกพรวดขึ้นมา มองสำรวจและจ้องเขม็ง ... เห้ย ไอ้ตัวเล็กมีลาย ซึ่งตอนนี้ยืนหยุดอยู่ห่างจากตำแหน่งหัวของผมที่นอนอยู่เมื่อชั่วอึดใจที่แล้วเพียงไม่กี่นิ้ว โอ้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หยาบคายมาก

ผมจึงได้เข้าประจัญบานแบบ close combat หรือการต่อสู้ในระยะประชิด อีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าเรารู้ตัวแล้ว จึงรีบเร่งฝีเท้าหนี แต่ไหนเลยจะทัน เรียบร้อบครับ โดนอัดกระแทกกับเบาะน็อกไปตรงนั้น (ผมไม่ได้โดนมันหรอกครับ พอดีมันดันไปหลบในร่องเบาะ ซึ่งแข็งพอสมควร จึงอัดซะ ...) ใจหนึ่งก็แบบ "เห้ย ถ้าตีเละแถวนี้ ก็สกปรกเกินรับได้" อีกใจก็แบบ "เห้ย หนีแล้ว ๆ ต้องทำอะไรสักอย่าง" ... ทันใดนั้นหลอดไฟแห่งความคิดก็ส่องประกายสว่างสุกใสขึ้นมา ประดุจหนึ่งซดซุปไก่สกัดตราแ_รนด์เข้าไป

หลังจากน็อกเจ้ามือสังหารไป และระบุตำแหน่งนอนหงายท้องของมันได้แล้ว ผมก็รุดไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยทหารม้า (แต่ก่อนก็คือ ทหารขี้ม้าขี้ช้างออกรบ แต่เดี๋ยวนี้ก็คือ รถถัง และรถประเภทต่าง ๆ ที่ใช้ในการสงคราม) ทายสิครับ อะไร ... 3 2 1 0 ... ใช้แล้วครับ เครื่องดูดฝุ่นนั่นเอง กว่าจะรื้อออกมาและประกอบร่างเสร็จสมบูรณ์ก็กินเวลาหลายอึดใจทีเดียว ตอนนั้นรีบมากครับเพราะกลัวเจ้ามือสังหารตื่นจากนิทรา (ผมเชื่อว่ามันยังไม่ตายครับ) แล้วจะหากันไม่เจออีก แต่แล้วก็ยังไม่ฟื้นครับ ยังคงนอนแผ่หราอยู่อย่างนั้น จึงโดนซัดโฮกเข้าไปเรียบร้อย

ด้วยเหตุนี้ ตั้งแต่เหตุการณ์พยายามลอบสังหาร ก็ได้มีการลาดตระเวนร่วมผสมระหว่างเหล่าราบกับม้า ตลอดแนวรบห้องนั่งเล่นทุกซอกทุกมุมทุกวัน จนชุมชนแมงมุมพลอยเดือดร้อนไปด้วย (แมงมุมนี่ก็เยอะครับ และขยันเป็นบ้า ยิงใยกันอย่างเมามัน เผลอแปบ ๆ ที่ที่เพิ่งเดินผ่านได้ 10 นาที มีใยแมงมุมซะงั้น โดนเราเดินฝ่าไป ใยขาดไป พี่ ๆ แกก็ยิงกันใหม่แบบสไปเดอร์แมน ไม่มีย่อท้อ) และที่สมรภูมิเดิม (ครัว) เราก็ยังโจมตีด้วยอาวุธเคมีหลักแบบไม่หวังผลเป็ยระยะ ๆ ซึ่งล่าสุด ก็มีหลักฐานความสูญเสียเล็กน้อยของข้าศึกปรากฏให้เห็น   

ณ จุดนี้ คงยังบอกไม่ได้ว่า สงครามจะสิ้นสุดลงเมื่อใด เนื่องจากเราไม่สามารถตอกฝาโลงของมัน และยืนยันชัยชนะได้อย่างเต็มปาก อย่างไรก็ตาม มาตรการต่าง ๆ จะคงดำเนินต่อไปอย่างเข้มงวดรัดกุมเพื่อรักษาพื้นที่ยึดครองของเราเอาไว้ให้ได้ไปตลอช่วงที่ผมอาศัยอยู่

ถึงตรงนี้ หากเป็นภาพยนตร์ ก็คงเป็นแนวให้ไปคิดต่อกันเอาเอง โดยมีฉากจบประมาณ "ผมกำลังขี่เครื่องดูดฝุ่นมือถือยาฆ่าแมลงออกลาดตระเวนตามตะเข็บชายแดน และเคลื่อนห่างออกไปทุกที โดยมุ่งหน้าสู่ดวงตะวันที่กำลังจะลับขอบฟ้าไป ..." และก็ตัดกลับมาที่มุมมืดแห่งหนึ่ง zoom เข้าไปพบ "ไข่ข้าศึกหลายร้อยฟอง แต่ละฟองล้วนมีการเคลื่อนไหวจากภายใน" พรึ่บ จอมืด ...


~ The E N D ~
 



2 comments:

  1. ดูเป็นการทำสงครามที่ไม่มีวันชนะได้ ทำใจดีกว่าพี่อาร์ต :P

    ReplyDelete