ปฐมบท
เมื่อเดินทางถึงมุมไบ นอกจากสิ่งมีชีวิตแบบเรา ๆ แต่แตกต่างแล้ว (แขก) สิ่งมีชีวิตอันดับถัดมาที่ได้ปะหน้ากันก็ คือ แมลงสาบ เจ้าฟอสซิลมีชีวิตวิวัฒนาการผ่านพ้นวิกฤตต่าง ๆ นานามาได้อย่างน่าอัศจรรย์ หากมี institutional memory ป่านนี้ เจ้าแมลงสาบคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ครอบครองความรู้และความลับทั้งปวงของโลกนี้ไว้ กลับเข้าเรื่องต่อครับ วันนั้น ได้เจอะแมลงสาบหน้าตาคุ้นเคยสายพันธุ์ใดไม่ทราบได้ แต่หน้าตาเหมือนที่พบเห็นในไทย แต่คงถือสัญชาติอินเดีย เดินไต่อยู่บนด้านข้างของรถตู้ (ที่มารับผม) อย่างสบายใจ เหมือนเดินเล่นในสวนหลังบ้าน ... สุดท้ายเจอบาทาพิฆาตของพี่ที่มาัรับ เขี่ยตกจากตัวรถไป ก่อนที่พี่คนนั้นจะหันมาบอกว่า เดี๋ยวก็ชิน ต้องอยู่ร่วมกันไปอีกนาน {-_-"} เห้ยยยย...เอาจริงดิพี่
และแล้ววันที่ต้องเผชิญความจริงก็มาถึง เมื่อย้ายออกจากโรงแรมที่พักเข้าสู่อพาร์ทเมนที่จะเป็นบ้านไปอีกไม่ต่ำกว่า 1 ปี 11 เดือน ... ห้องอยู่ชั้น 10 ครับ (ซึ่งชั้น 10 ตามระบบอังกฤษ ก็จะเป็นชั้นที่ 11 แบบบ้านเราครับ คืือ ที่นี่จะเริ่มชั้นแรกที่ 0 หรือ G ก่อนจะเป็น 1 2 3 4 5 ...) ซึ่งก็สูงพอสมควร กะว่าคงไม่ต้องเจอหน้าเจ้าฟอสซิลเดินได้มากนัก เข้าไปวันแรกไม่ทันได้ดูอะไร ก็ต้องรีบออกเดินทางไปต่างจังหวัด จึงยังไม่ได้ฤกษ์พบปะผู้ร่วมอาศัยทั้งหลาย (ตอนนั้น ก็กะว่ามันคงมีแน่แหละครับ แค่ขอไม่ให้เยอะเป็นพอ)
3 วันผ่านไป เข้าบ้านจริง ๆ เป็นครั้งแรก ... ตอนนั้นเป็นเวลา 21.30 น. มืดกำลังดี วางสัมภาระเรียบร้อยก่อนมุ่งหน้าเข้าครัวเพื่อหาน้ำดื่ม ... เปิดประตูด้วยความระมัดระวัง แบบไม่ให้มีสิ่งชีวิตใดเล็ดรอดออกไปได้ ยื่นมือเข้าไป...ตั้งสติ เปิดไฟ ... พรึบ ...... นั่นไง แมร่งเอ้ยยย 3 ตัวรอทักทายอยู่เลย (พวกนี้ตัวเล็ก ๆ เห็นเรียกกันว่า กะจ๊ว) แต่พวกนี้ ดีครับ พอคบได้ ไล่ก็ไป ไม่หน้าด้าน ไม่มีหึกเหิมวิ่งเข้าใส่ กระทืบเท้าหน่อยก็วิ่งหลบจ้าละหวั่นและหายตัวไปในบัดดล จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรครับรับสภาพ ต่างคนต่างอยู่ละกัน
สองสัปดาห์ต่อมา ด้วยความเชื่อว่าแมลงสาบ (และแมลงรำคาญอื่น ๆ)เกลียดกลิ่นลูกเหม็น และมันต้องขึ้นมาจากท่อน้ำทิ้งที่พื้นครัวแน่นอน จึงไปจัดแจงหาลูกเหม็น และกระถางพลาสติกแบบไม่มีรูที่ก้น แล้วจัดการเอาลูกเหม็นเป็นกำมือวางบนตะแกรงท่อก่อนครอบด้วยกระถางกะว่า ไม่มีทางขึ้นมาได้แน่นอน ฮา ๆ ๆ ๆ นอกจากนี้ ตะแกรงดักเศษอาหารที่อ่างล้างจาน ผมยังเอาลูกเหม็นโยนไว้อีก 2 ภูมิใจในชัยชนะเพียงเพื่อจะได้รู้จักความล้มเหลวและพ่ายแพ้ในคืนถัดมาเท่านั้น ... พี่ท่านยังไม่เห็นหายหน้าหายตาไปเลย !
กลับถึงบ้านทุกวัน วันไหนเปิดเข้าไปในครัวหลังฟ้ามืด ก็จะได้พบปะเพื่อนฝูงทั้งสามเป็นนิจ ตัวนึงติดอยู่ในอ่างล้างจานเดินเล่นไปมาขึ้นไม่ได้ แต่ก็มีอาหารอิ่มหนำสำราญไปทุกวัน จนกระทั่งผ่านไป 1 สัปดาห์ ... เจ้าตัวในอ่างจึงได้ลาจากโลกนี้ไป ส่วนที่เหลือ ยังคงวนเวียนและเติบโตขึ้นเป็นลำดับ และยังปะหน้ากันเป็นประจำ แต่ก็ว่าง่ายเหมือนเดิมครับ แต่ปัญหาก็คือ มันไม่ได้มีแค่เจ้าสองตัวเดิมอีกต่อไป แต่มากันเหมือนมีปาร์ตี้ย่อม ๆ ทุกคืนไป !!! หึ ๆ ๆ
และแล้ววันที่เส้นความอดทนและความปรารถนาจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ นกพิราบขาวโบยบิน ก็ขาดผึ่งลง นกปีกหักตกลงพื้นดังแอ้กใหญ่ ... มันจะหยามกันเกินไปแล้วเว้ยพี่น้อง !!! พี่ลายพร้อย ขนาดประมาณหัวแม่โป้ง เล่นออกมาเดินทอดน่อง (ขอย้ำว่า ทอดน่อง) ขนฟรึมทั้ง 6 ของพี่แก บนเคาน์เตอร์ครัวอย่างไม่แยแสและไม่เกรงใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน เปิดไฟ เดินเข้าไปยืนจ้อง ส่งเสียงขับไล่ พี่แกก็ยังทำหูหนวกตาบอด ประดุจโลกนี้มีแต่ฉันเพียงผู้เดียว ยังคงเดินชิว สบายอารมณ์ ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับถึงสิ่งที่เปลี่ยนไปแต่อย่างใด แถมยังชิวเดินส่ายหนวดสำรวจไปมาอย่างใจเย็น พี่แกไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ถึงขนาดเชื่อว่าประสาทสัมผัสตายด้านเพราะ ผมสามารถเอากระป๋องพลาสติกใสไปครอบพี่แกไว้ได้โดยละม่อม คือ จะเอามือจับเลยยังได้ครับ แต่ยังไม่กล้าพอ
แม้จะโดนครอบแล้วพี่ลายก็ยังนิ่งมาก นิ่งสนิท ไม่มีอาการตาลีตาเหลือกให้เห็นเหมือนเวลาแมลงสาบตกใจแตกฮือวิ่งกระเจิงแบบไร้ทิศทางเหมือนที่เคยเห็น มีการปีนสำรวจเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนจะลงมายืนนิ่ง ๆ ต่อตามสไตล์ นี่ถ้าฮัมเพลงกับคาบไปป์ได้ คงทำไปแล้ว หึ ๆ ๆ ๆ เจ้าตัวอื่นยังไล่ไป แต่วันนั้นก็มีตัวหนึ่งเป็นน้องลายขนาดประมาณ 1 ข้อปลายของนิ้วก้อย ประเมินแล้วคงเป็นเพียงทหารราบชั้นเลว หรือเบี้ยตามภาษาหมากรุก แต่หึกเฮิมเด็ดเดี่ยวมาก ถ้าเป็นหนังจีนคงต้องถามว่าไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหนจึงกล้าวิ่งเข้าใส่ผม ... เรียบร้อยครับ สะบัดไม้กวาดส่งไปอัดขอบตู้เป็นการสั่งสอน ก่อนจะซัดอีกรอบเพราะยังไม่ได้สติ วิ่งเข้าใส่ผมอีก โดนครั้งที่ 2 เลยหายหน้าไปไม่เห็นอีก จากนั้น ผมจึงปล่อยพี่ลายพร้อย ซึ่งก็ยังชิวได้ใจ ค่อย ๆ เดินสำรวจพื้นที่ต่อตามเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คงถึงเวลาต้องทำสงครามชี้ชะตาและยึดพื้นที่ (คืน) กันสักที !!!
โปรดติดตามตอนต่อไป ***ะา.(-_-")
เมื่อเดินทางถึงมุมไบ นอกจากสิ่งมีชีวิตแบบเรา ๆ แต่แตกต่างแล้ว (แขก) สิ่งมีชีวิตอันดับถัดมาที่ได้ปะหน้ากันก็ คือ แมลงสาบ เจ้าฟอสซิลมีชีวิตวิวัฒนาการผ่านพ้นวิกฤตต่าง ๆ นานามาได้อย่างน่าอัศจรรย์ หากมี institutional memory ป่านนี้ เจ้าแมลงสาบคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ครอบครองความรู้และความลับทั้งปวงของโลกนี้ไว้ กลับเข้าเรื่องต่อครับ วันนั้น ได้เจอะแมลงสาบหน้าตาคุ้นเคยสายพันธุ์ใดไม่ทราบได้ แต่หน้าตาเหมือนที่พบเห็นในไทย แต่คงถือสัญชาติอินเดีย เดินไต่อยู่บนด้านข้างของรถตู้ (ที่มารับผม) อย่างสบายใจ เหมือนเดินเล่นในสวนหลังบ้าน ... สุดท้ายเจอบาทาพิฆาตของพี่ที่มาัรับ เขี่ยตกจากตัวรถไป ก่อนที่พี่คนนั้นจะหันมาบอกว่า เดี๋ยวก็ชิน ต้องอยู่ร่วมกันไปอีกนาน {-_-"} เห้ยยยย...เอาจริงดิพี่
และแล้ววันที่ต้องเผชิญความจริงก็มาถึง เมื่อย้ายออกจากโรงแรมที่พักเข้าสู่อพาร์ทเมนที่จะเป็นบ้านไปอีกไม่ต่ำกว่า 1 ปี 11 เดือน ... ห้องอยู่ชั้น 10 ครับ (ซึ่งชั้น 10 ตามระบบอังกฤษ ก็จะเป็นชั้นที่ 11 แบบบ้านเราครับ คืือ ที่นี่จะเริ่มชั้นแรกที่ 0 หรือ G ก่อนจะเป็น 1 2 3 4 5 ...) ซึ่งก็สูงพอสมควร กะว่าคงไม่ต้องเจอหน้าเจ้าฟอสซิลเดินได้มากนัก เข้าไปวันแรกไม่ทันได้ดูอะไร ก็ต้องรีบออกเดินทางไปต่างจังหวัด จึงยังไม่ได้ฤกษ์พบปะผู้ร่วมอาศัยทั้งหลาย (ตอนนั้น ก็กะว่ามันคงมีแน่แหละครับ แค่ขอไม่ให้เยอะเป็นพอ)
3 วันผ่านไป เข้าบ้านจริง ๆ เป็นครั้งแรก ... ตอนนั้นเป็นเวลา 21.30 น. มืดกำลังดี วางสัมภาระเรียบร้อยก่อนมุ่งหน้าเข้าครัวเพื่อหาน้ำดื่ม ... เปิดประตูด้วยความระมัดระวัง แบบไม่ให้มีสิ่งชีวิตใดเล็ดรอดออกไปได้ ยื่นมือเข้าไป...ตั้งสติ เปิดไฟ ... พรึบ ...... นั่นไง แมร่งเอ้ยยย 3 ตัวรอทักทายอยู่เลย (พวกนี้ตัวเล็ก ๆ เห็นเรียกกันว่า กะจ๊ว) แต่พวกนี้ ดีครับ พอคบได้ ไล่ก็ไป ไม่หน้าด้าน ไม่มีหึกเหิมวิ่งเข้าใส่ กระทืบเท้าหน่อยก็วิ่งหลบจ้าละหวั่นและหายตัวไปในบัดดล จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรครับรับสภาพ ต่างคนต่างอยู่ละกัน
สองสัปดาห์ต่อมา ด้วยความเชื่อว่าแมลงสาบ (และแมลงรำคาญอื่น ๆ)เกลียดกลิ่นลูกเหม็น และมันต้องขึ้นมาจากท่อน้ำทิ้งที่พื้นครัวแน่นอน จึงไปจัดแจงหาลูกเหม็น และกระถางพลาสติกแบบไม่มีรูที่ก้น แล้วจัดการเอาลูกเหม็นเป็นกำมือวางบนตะแกรงท่อก่อนครอบด้วยกระถางกะว่า ไม่มีทางขึ้นมาได้แน่นอน ฮา ๆ ๆ ๆ นอกจากนี้ ตะแกรงดักเศษอาหารที่อ่างล้างจาน ผมยังเอาลูกเหม็นโยนไว้อีก 2 ภูมิใจในชัยชนะเพียงเพื่อจะได้รู้จักความล้มเหลวและพ่ายแพ้ในคืนถัดมาเท่านั้น ... พี่ท่านยังไม่เห็นหายหน้าหายตาไปเลย !
กลับถึงบ้านทุกวัน วันไหนเปิดเข้าไปในครัวหลังฟ้ามืด ก็จะได้พบปะเพื่อนฝูงทั้งสามเป็นนิจ ตัวนึงติดอยู่ในอ่างล้างจานเดินเล่นไปมาขึ้นไม่ได้ แต่ก็มีอาหารอิ่มหนำสำราญไปทุกวัน จนกระทั่งผ่านไป 1 สัปดาห์ ... เจ้าตัวในอ่างจึงได้ลาจากโลกนี้ไป ส่วนที่เหลือ ยังคงวนเวียนและเติบโตขึ้นเป็นลำดับ และยังปะหน้ากันเป็นประจำ แต่ก็ว่าง่ายเหมือนเดิมครับ แต่ปัญหาก็คือ มันไม่ได้มีแค่เจ้าสองตัวเดิมอีกต่อไป แต่มากันเหมือนมีปาร์ตี้ย่อม ๆ ทุกคืนไป !!! หึ ๆ ๆ
และแล้ววันที่เส้นความอดทนและความปรารถนาจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ นกพิราบขาวโบยบิน ก็ขาดผึ่งลง นกปีกหักตกลงพื้นดังแอ้กใหญ่ ... มันจะหยามกันเกินไปแล้วเว้ยพี่น้อง !!! พี่ลายพร้อย ขนาดประมาณหัวแม่โป้ง เล่นออกมาเดินทอดน่อง (ขอย้ำว่า ทอดน่อง) ขนฟรึมทั้ง 6 ของพี่แก บนเคาน์เตอร์ครัวอย่างไม่แยแสและไม่เกรงใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน เปิดไฟ เดินเข้าไปยืนจ้อง ส่งเสียงขับไล่ พี่แกก็ยังทำหูหนวกตาบอด ประดุจโลกนี้มีแต่ฉันเพียงผู้เดียว ยังคงเดินชิว สบายอารมณ์ ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับถึงสิ่งที่เปลี่ยนไปแต่อย่างใด แถมยังชิวเดินส่ายหนวดสำรวจไปมาอย่างใจเย็น พี่แกไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ถึงขนาดเชื่อว่าประสาทสัมผัสตายด้านเพราะ ผมสามารถเอากระป๋องพลาสติกใสไปครอบพี่แกไว้ได้โดยละม่อม คือ จะเอามือจับเลยยังได้ครับ แต่ยังไม่กล้าพอ
แม้จะโดนครอบแล้วพี่ลายก็ยังนิ่งมาก นิ่งสนิท ไม่มีอาการตาลีตาเหลือกให้เห็นเหมือนเวลาแมลงสาบตกใจแตกฮือวิ่งกระเจิงแบบไร้ทิศทางเหมือนที่เคยเห็น มีการปีนสำรวจเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนจะลงมายืนนิ่ง ๆ ต่อตามสไตล์ นี่ถ้าฮัมเพลงกับคาบไปป์ได้ คงทำไปแล้ว หึ ๆ ๆ ๆ เจ้าตัวอื่นยังไล่ไป แต่วันนั้นก็มีตัวหนึ่งเป็นน้องลายขนาดประมาณ 1 ข้อปลายของนิ้วก้อย ประเมินแล้วคงเป็นเพียงทหารราบชั้นเลว หรือเบี้ยตามภาษาหมากรุก แต่หึกเฮิมเด็ดเดี่ยวมาก ถ้าเป็นหนังจีนคงต้องถามว่าไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหนจึงกล้าวิ่งเข้าใส่ผม ... เรียบร้อยครับ สะบัดไม้กวาดส่งไปอัดขอบตู้เป็นการสั่งสอน ก่อนจะซัดอีกรอบเพราะยังไม่ได้สติ วิ่งเข้าใส่ผมอีก โดนครั้งที่ 2 เลยหายหน้าไปไม่เห็นอีก จากนั้น ผมจึงปล่อยพี่ลายพร้อย ซึ่งก็ยังชิวได้ใจ ค่อย ๆ เดินสำรวจพื้นที่ต่อตามเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คงถึงเวลาต้องทำสงครามชี้ชะตาและยึดพื้นที่ (คืน) กันสักที !!!
โปรดติดตามตอนต่อไป ***ะา.(-_-")
No comments:
Post a Comment