Sunday, 12 April 2015

หนีเที่ยวเนปาล - (ตอนที่ 6) ความท้าทายกับการสูญเสีย

หลังจากพี่ที่ไปด้วยกันฟื้นจากพิษไข้ ราว ๆ เที่ยง เราก็ตัดสินใจลงจาก Namche ทันที เพราะไม่ต้องการเร่งเดินในวันถัดมา ซึ่งตามแผนจะต้องนอนที่ Namche อีกหนึ่งคืนและเดินรวดเดียงถึง Lukla ในวันถัดมา

เรามุ่งหน้า Monjo กะว่าจะไปนอนตีพุงที่โรงแรมแสนงามที่เดินผ่านไปตอนขาขึ้น (จำได้ไหมครับ ที่เราไปแวะพักเข้าห้องน้ำและดื่มอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ) แต่ปรากฏว่า ... เฟลลลล โรงแรมแจ้งว่า มีน้ำอุ่นไม่พอให้บริการหากจะมีแขก walk-in เข้าพักเพิ่ม เซ็งไปตามระเบียบแต่ก็ประหยัดเงินไปได้เกือบ 200 ดอลลาร์ ใช่ครับค่าห้องพักต่อคืนรวมอาหารเช้าเกือบ 200 ดอลฯ สรุป เราพักทานอาหารเที่ยงที่นั่นก่อนเดินไปหาที่พักเอาดาบหน้า

ท้ายที่สุด เดินเลยไปหน่อยเดียวเราก็ได้ที่พักที่ราคา 300 ... รูปีเนปาล และมีน้ำอุ่นให้อาบ ขอบอกว่าฟินมาก ณ จุดนั้น

วันรุ่งขึ้นเราก็เดินสบาย ๆ กลับ Lukla คนที่สภาพแย่ที่สุดคงไม่พ้น ญ.แกร่ง เมื่อวันก่อน ที่ออกอาการล้าอย่างเห็นได้ชัด ถึงขนาดต้องลากกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะช่วงขาขึ้น Lukla ที่โหดเอาการ เป็นบันไดขึ้น ๆ ลง ๆ ยาวทีเดียว ... แต่เราก็ผ่านไปได้และเข้าสู่ Lukla ซึ่งถึงแม้จะเดินผ่านไปแล้วตอนขาไป แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ค่อย ๆ เดินดูเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ ถึงเห็นร้านรวงต่าง ๆ น่ารัก น่านั่ง อย่าง Everest-buck ซึ่งมองเผิน ๆ เหมือนนางเงือกเขียวนาม Starbucks ไปเปิดร้านอยู่ที่นั่น (ก็เล่นใช้ชื่อ Starbucks Coffee Lukla แต่โลโก้เป็น Everest)



มีแก้วขายด้วย
หลังจากชมเมืองได้สักพักเล็ก ๆ เราก็มุ่งหน้าสู่ที่พักซึ่งอยู่ติดกับสนามบิน Lukla (ที่เดิมที่เรานั่งรอโชคชะตาในวันแรกที่มาถึง)

เมื่อเราเดินถึงสนามบินก็สังเกตเห็นถึงความไม่ปกติ มีคนเกาะรั่วมุงดูลานบินจำนวนมาก มีเฮลิคอปเตอร์กองทัพบกเนปาลลำใหญ่จอดอยู่ และข้าง ๆ มีกองของออะไรสักอย่างมีผ้าคลุมปิดอยู่

ไกด์ได้ไปสอบถามแล้วมาเล่าให้เราฟังว่า กองที่เห็นคือ ศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์หิมะถล่มห่างจาก EBC ไปประมาณ 3 กม. ผู้นำทางชาวเชอร์ปาและทีมชาวท้องถิ่นที่ไปกรุยทางเตรียมตั้งแคมป์ล่วงหน้าให้ทีมปีนเขาชาวต่างชาติที่จะขึ้นสู่ยอด Everest โดนหิมะถล่มอย่างจัง เสียชีวิต 18 คน

ทางการกำลังให้ความช่วยเหลือและลำเลียงศพลงจากที่เกิดเหตุ โชคยังดีอยู่บ้างที่มีคนรอด เราก็เห็นพยุงขึ้น ฮ. เพื่อไปรักษาตัวที่กาฎมาณฑุ และโชคยังดีที่ทีมปีนเขาต่างชาติยังไม่ได้ตามขึ้นไปไม่เช่นนั้นคงมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ภาพที่เห็นน่าเศร้ามาก สมาชิกครอบครัวชาวเชอร์ปาต่างมารอรับศพของบุคคลอันเป็นที่รัก และน่าจะเป็นกำลังหลักในการหาเลี้ยงครอบครัวด้วย (เม.ย. 2556) บรรยากาศยามค่ำมืดสลัวพร้อมกับเสียง ฮ. ที่ดังอยู่อกสักพักก่อนที่จะเงียบสงบไปพร้อมการยุติการค้นหา

ชาวเชอร์ปาคือ ชนท้องถิ่นในแถบหิมาลัย จึงมีความทนต่อสภาพอากาศและความสูง และมีความเชี่ยวชาญในพื้นที่ ทางการเนปาลบังคับให้ระยะจาก EBC ออกไปจะต้องมีไกด์พิเศษ (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเชอร์ปา) ไปด้วย ซึ่งทีมชาวท้องถิ่นนี้ มีหน้าที่เป็นเหมือนพี่เลี้ยงและพนักงานบนเครื่องบิน มีคำขวัญประจำใจว่า "your safety is our priority." คนเหล่านี้จึงมีความเสี่ยงในการทำงานสูงมาก แม้จะได้ค่าตอบแทนสูงพอประมาณ แต่ก็อาจจะไม่คุ้มกับความเสี่ยงที่สามารถจบลงด้วยความตายและทำให้ครอบครัวขาดกำลังสำคัญได้ทุกเมื่อ

ความต้องการความท้าทายของนักปีนเขา จึงเป็นความเสี่ยงของผู้ทำอาชีพนี้อย่างยากจะหลีกเลี่ยง

จากนั้นเราไปหาอะไรทานในตัวเมือง (เดิน 5 นาทีจากที่พัก) ฟาดกันแบบไม่ยั้ง ทั้งแฮมเบอร์เกอร์เนื้อจามรี (Yak) บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกาหลี พิซซ่า แซนวิช ไก่ทอด บลา ๆๆๆ รสชาติ ... นับว่าไม่ผ่านหรืออาจจะไม่ถูกจริตเรานัก จะมีก็แต่บะหมี่เกาหลีที่ซดได้อย่างชื่นใจ เสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาส่องไฟฉายเดินกลับที่พัก

Everest Coffee & Everest Burger (เนื้อจามรี)

ตอบสนองนักท่องเที่ยวชาวตะวันตก มีร้านลักษณะนี้เกือบทุกที่ที่เราไป โต๊ะสนุ๊กฯ โต๊ะพูล เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้

ร้านขายอุปกรณืที่ Lukla แน่นอนว่าราคาแพงกว่าที่กาฐมาณฑุ ให้ค่าขนเขาเถอะครับ ส่วนใหญ่ไม่ได้มาทางเครื่องบินนะครับ ใช้นั่งรถโดยสารและเดินเอา ไกลทีเดียว



Yak Donald's


คืนนั้นหนาวไม่แพ้คืนก่อน ๆ แถมที่พักที่บอกว่ามีน้ำอุ่น ก็กลับไม่มี ขนาดน้ำเย็นยังไหลเอื่อยสุด ๆ สุดท้ายก็ต้องพึ่งทิชชู่เปียกตามสูตร

ตอนต่อไป ... ทิ้งท้าย กลับสู่ความวุ่นวาย


-- (=/|\=) R.I.P (=/|\=) --








No comments:

Post a Comment