Wednesday, 1 August 2012

มุมไบสีเขียวคล้ำ ๆ

มุมไบสีเขียวคล้ำ ๆ

อินเดียถือเป็นประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งปกติแล้วประเทศในกลุ่มนี้จะมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นสำคัญเพื่อให้ทัดเทียมกับประเทศตะวันตก (ไทยก็เช่นกัน) โดยเทคโนโลยีที่ใช้ส่วนใหญ่ไม่มีประสิทธิภาพมากนัก จึงเป็นช่วงที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากที่สุด คล้ายประเทศตะวันตกในสมัยปฏิวัติอุตสาหกรรม แต่ในปัจจุบัน กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วได้ผลักดันเรื่องคุณค่าหรือบรรทัดฐานด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อชะลอ / แก้ปัญหาโลกร้อน (Global Warming) และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก (Climate Change) ส่งผลให้ประเทศกำลัังพัฒนาต่าง ๆ ต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ด้วย โดยจะมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจอย่างเอาแต่ได้แบบชาติตะวันตก (ที่ตอนนี้เรียกตนเองว่าเป็นประเทศพัฒนาแล้ว) ในสมัยก่อนไม่ได้


ในเดือน ก.ค. 2555 ที่ผ่านมา อินเดียได้รับการจัดอันดับโดย National Geographic Society (องค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สหรัฐฯ คนไทยรู้จักกันดีทางช่องโทรทัศน์ National Geographic ที่นำเสนอสารคดีดี ๆ ต่าง ๆ มากมาย) ให้อยู่ 1 ใน 5 ของประเทศทั่วโลกที่ผู้บริโภคมีพฤติกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ซึ่ง 5 ประเทศแรกล้วนเป็นประเทศกำลังพัฒนาทั้งสิ้น คือ  1) อินเดีย 2) จีน 3) บราซิล 4) ฮังการี และ 5) เกาหลีใต้ ในขณะที่ประเทศรั้งท้าย 5 ประเทศ ล้วนเป็นประเทศพัฒนาแล้ว คือ สหรัฐฯ แคนาดา ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และออสเตรเลียที่ล่างสุดของตาราง  ผลการสำรวจพบว่า ผู้บริโภคในจีน (42%) และอินเดีย (45%) ตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากพฤติกรรมการบริโภคของตน ซึ่งส่งผลต่อการบริโภคของตน ในขณะที่ 21% ของชาวสหรัฐฯ ไม่ใส่ใจ

หากยังจำได้ ไทยเราเคยรณรงค์เรื่องการใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก ซึ่งฮิตติดตลาดอยู่ได้พักหนึ่ง ก็เห็นจะจืดจางลงตามกาลเวลาและความทรงจำของคนไทยที่ได้ชื่อว่าลืมง่าย ตามสไตล์ไทยแห่นิยมเป็นพัก ๆ  ในช่วงนั้น ห้างสรรพสินค้า และซุปเปอร์มาร์เก็ตบางแห่งได้มีนโยบายส่งเสริมการใช้ถุงผ้าโดยการหักส่วนลดให้กับลูกค้าที่ไม่รับถุงหิ้วพลาสติกของทางห้างสรรพสินค้า แต่หากต้องการ ก็ยังมีถุงหิ้วพลาสติกไว้ให้บริการโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพิ่ม (ยกเว้น Makro ซึ่งปกติไม่ได้ให้บริการถุงพลาสติกอยู่แล้ว เนื่องจากขายส่งครั้งละปริมาณมาก อย่างไรก็ตาม หากลูกค้าต้องการก็สามารถซื้อถุงหิ้วได้ที่แคชเชียร์ ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิดจะเป็นถุงหิ้วช็อปปิ้งที่ใช้ซ้ำได้)

ในทางกลับกัน ที่เมืองมุมไบ ซุปเปอร์มาร์เก็ตส่วนใหญ่จะคิดค่าถุงหิ้วพลาสติกแยกต่างหาก แม้ราคาจะต่ำมาก คือ ประมาณ 4 รูปี (2.5 บาท) แต่ก็น่าจะทำให้คนฉุกคิดได้ทุกครั้ง 

มาหยุดคิดตรงนี้สักนิดครับ 

ที่ไทยหากทำสิ่งที่ควรทำ (ลดใช้ถุงพลาสติก) คือ ได้รางวัล (ส่วนลด) ในขณะที่ หากไม่ทำ ก็เสมอตัว
ที่อินเดียหากทำสิ่งที่ควรทำ (ลดใช้ถุงพลาสติก) คือ เสมอตัว ในขณะที่ หากไม่ทำ คือ โดนลงโทษ (เสียเงินเพิ่ม แม้จะไม่มากก็ตาม) ซึ่งประเทศจีนก็เป็นเช่นนี้

สะท้อนวิธีคิดที่แตกต่างกันมั้ยครับ ?

นอกจากนี้ สำนักงานบริหารเมืองมุมไบ (ฺBMC) ยังมีแผนจะลดหย่อนภาษีให้กับชุมชนที่มีพฤติกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและช่วยรักษาความสะอาดของพื้นที่ในชุมชน อย่างไรก็ตาม คงต้องรอความชัดเจนมากกว่านี้ ทั้งนี้ ประชาชนบางส่วนเห็นว่า BMC ควรจะทำหน้าที่ให้ดีกว่านี้ แทนที่จะผลักภาระทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อมและความสะอาดให้กับประชาชน เช่น ประชาชนแยกขยะก่อนที่แต่ BMC กลับเอาไปเทรวมกัน เป็นต้น ในขณะที่บางส่วนก็เห็นว่าจะต้องเริ่มต้นที่ตัวเองก่อน


สภาพเมืองมุมไบปัจจุบัน ก็แบบที่เคยเล่าครับ สกปรกสุด ๆ กลิ่นไม่พึงประสงค์เตะจมูกเป็นระยะ บางแห่งก็เหม็นได้ตลอดเวลา กลิ่นคล้าย ๆ น้ำ้เน่า ผสมขยะเน่า และที่เมืองนี้หาถังขยะสาธารณะยากแสนยาก แต่หากมองดี ๆ คุณก็จะรู้ตัวว่าคุณยืนอยู่ในถังขยะอยู่แล้วนั่นเอง จึงหาไม่เจอ คนอินเดียตามที่ได้สัมผัสเห็นว่าการทิ้งขยะลงพื้นเป็นเรื่องปกติ บางทีเราจะหาที่ทิ้ง ก็จะมีคนบอกว่า ทิ้งลงพื้นสาธารณะไปเลยไม่เป็นไร (O_o) !! พอเราบอกไม่เอา ก็มาจัดการแย่งไปโยนทิ้งให้เรียบร้อย แต่เชื่อว่าอีกหน่อยคงจะดีขึ้น เพราะไทยเองก็เคยผ่านช่วงนี้มาแล้ว และในปัจจุบันก็ยังมีบางคนที่คิดแบบนี้อยู่ คือ อยากอยู่ในถังขยะต่อไป 



/(-.-"\)







No comments:

Post a Comment