Monday, 25 June 2012

ขายของแบบอินเดีย ๆ (ที่เราไม่อยากซื้อ)


ขายของแบบอินเดีย ๆ (ที่เราไม่อยากซื้อ)
          
               อย่างที่ทราบ ๆ กันว่าแขกตื้อเก่งแค่ไหน โดยเฉพาะกลุ่มที่เดินเร่ขายของ สามารถเดินตามเราได้เป็นหลายร้อยเมตรอย่างไม่ย่อท้อ คนเหล่านี้จะมีคำที่ฟังยังไงก็ไม่เข้าใจคือ คำปฏิเสธทั้งหลาย (No.  No, I don’t want it.) พอเราพูดปุ๊บ คนขายจะปรับโหมดปิดเครื่องรับฟังไปทันที หูหนวกฉับพลัน สมองควบคุมการรับฟังหยุดทำงาน แต่จะเหลือเพียงระบบพูดที่ทำงานต่อเนื่องได้อย่างน่าอัศจรรย์
                วันก่อนไปเดินเล่นที่ Gateway of India (ดูรูป - สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในพระราชวโรกาสที่พระราชินีแมรี่ และพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งจักรวรรดิอังกฤษเสด็จขึ้นเทียบท่าในปี 1911 สร้างเสร็จในปี 1924) ก็มีคนเดินเข้ามาขายโปสการ์ดแบบเป็นเล่มมีโปสการ์ดอยู่ราวโหลหนึ่งเห็นจะได้ เดินมาถึงเปิดเล่มแล้วก็เริ่มอธิบาย ๆๆๆ เราก็แบบ “เอ่อไม่เอา” อ่ะแต่ถ้าอยากพูด ก็เชิญพูดไป เราก็ฟัง ดีซะอีกได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีสถานที่ที่น่าสนใจที่ไหนบ้าง สักพักเลยถามราคา พอฟังคำตอบแล้วยิ้มเลยครับ 240 รูปี (ราว 150 บาท) เอ่อ... แพงไปมั้ย
                                “ไม่เอา ไม่เอา แพง”
เท่านั้นแหละ เริ่มอธิบายใหม่อีกครั้ง เราก็เริ่มเดินหนีและย้ำอีกว่า “ไม่เอา ๆ ไม่ได้อยากได้”
                                “sir, tell me what you pay. I make it cheap for you. I make things cheap in the morning”
(ตอนนั้นประมาณบ่ายโมง ไอ้เราก็ดูนาฬิกา แล้วคิดในใจว่า ... แขกตีมึนและปิดเครื่องรับแน่แล้ว ต้องสลัดให้หลุดเท่านั้น) แล้วประโยคคำพูดเดิม ๆ ก็เล่นซ้ำหลายครั้ง จนต้องข้ามถนนหนี ซึ่งคุณพี่ก็ไม่มีท่าทีจะถอดใจ เดินตามมาจนถึงเกาะกลางกว่าจะถอดใจเดินหันกลับไป ส่วนผมก็ไม่ได้มองตามหรอกครับ ออกเดินข้ามถนนต่อไป กลัวหันไปแล้วตาประสานกัน คุณพี่เขาจะเข้าใจผิดเดินมาหาอีก
                อีกวันจะเดินออกไปหาซื้อหนังสือ (หนังสือที่อินเดียถูกมากครับ) ออกจากโรงแรมไปได้หน่อยเดียว พี่แกเดินพุ่งเข้ามาเลย เริ่มด้วยคำถาม “ตัดสูทไหม?” ผมยังไม่ทันจะอ้าปากพูดคำเด็ด (NO! Thanks) พี่แกก็เริ่มสาธยายความเลิศของร้านที่จะพาไปทันที พร้อมโชว์นามบัตร เราก็แบบ “เอ่อ ไม่เอาอ่ะ ไม่ได้อยากตัดสูท” มีเหรอจะฟัง สาธยายความดีงามต่อ ไอ้เราก็เดินไปเรื่อยไม่ได้ใส่ใจ สุดท้ายคุณพี่เขาคงเห็นไม่เข้าที ปรับกลยุทธ์การขายทันที ด้วยวิธีแสนง่ายคือ เปลี่ยนสินค้าครับ คราวนี้พี่แกเล่นถามไปเรื่อยเลยว่าหาซื้ออะไรอยู่ “เอาผ้าพันคอ พาร์ชมีนา แคชเมียร์ บลา ๆ มั้ย ของที่ระลึก เครื่องประดับ อัญมณีล่ะ” พี่แกเล่นเดินผ่านร้านอะไรเอามาขายได้หมด ท่าทางน่าจะเป็นพวกจับเสือมือเปล่าคือ อาศัยพาคนเข้าร้านแล้วเก็บเงินค่าความพยายามจากเจ้าของร้าน เราก็แบบ “ไม่เอา (โว้ย เดินตามอยู่ได้)”
                ในที่สุดก็ถึงแผงหนังสือเป้าหมายที่ผมแวะมาวันก่อนแล้วฝากให้หาหนังสือไว้ให้ แผงหนังสือนี้อยู่ห่างออกไปประมาณ 2 ช่วงตึก พี่แกก็พยายามมากเดินตามไปจนถึง ยืนรอเราดูหนังสืออีก ไม่ยอมไปไหน ต้องให้โล่แกจริง ๆ คือ แกจะพาเราไป “ห้าง” ชื่อเอ็มโพเรียม ซึ่งอยู่ตรงข้ามแผงขายหนังสือบน Colaba Causeway ให้ได้ แต่สุดท้าย ผมไม่ได้หนังสือที่ต้องการก็เดินกลับ ซึ่งเป็นทางตรงข้ามกะที่แกจะให้ไป แกเลยเลิกเดินตาม (เห่อๆๆ) อ้อ ลืมเล่าไปว่าคุณพี่แผงขายหนังสือสะท้อนนิสัยความ ว้าว อินเดีย ได้อย่างดี คือ ไม่เคยปฏิเสธ (พี่ที่นี่บอกเป็นเฉพาะบางพื้นที่นะครับ ไม่ใช่ทั้งประเทศ) ฟังดูเหมือนดีนะครับ แต่ประเด็น คือ พูดแล้วทำไม่ได้เนี่ยแหละ อาศัยพลัดวันไปเรื่อย อย่างแผงเนี่ย วันเสาร์ตอนเย็น พอดีผ่านไปผมเลยไปถามหาหนังสือเล่มหนึ่ง ตอบทันทีครับว่า "มี ๆ แต่ตอนนี้ไม่มี" ดอกแรกก็มึนแล้ว 

                                  เราก็ "อ่ะ ok จะมีเมื่อไหร่"
                                  "เนี่ย 2 ทุ่ม มาเอาได้เลย เดี๋ยว I ไปเอามารอไว้ให้"
                                  "(เอ่อ ... โม้แหงๆ) ไม่เป็นไร ๆ พรุ่งนี้ละกัน"
แล้วเรื่องก็เป็นไปตามที่เล่าด้านบนครับ ก็คือยังไม่มีอยู่เหมือนเดิม แถมก่อนเดินจากแผงมา ตาคนขายยังบอกอีกว่า "you come pick up tomorrow, Monday" ความคิดแรกที่แล่นปร๊าดออกมา คือ ตลกล่ะ เห็นข้าพเจ้าว่างงานเหรอ เห่อๆ แล้วสมองก็สั่งการให้พูดออกไปทันทีว่า "OK" ฮาๆๆๆ แต่ไม่ไปหรอกครับ (สุดท้ายผมก็ไปซื้อที่ร้านหนังสือ (เมื่อกี้เป็นแผงขายหนังสือริมถนน) แพงกว่าหน่อย ต่อราคาไม่ได้ แต่สบายใจ
                นอกจากนี้ ยังมีชาวอินเดียผู้หวังดีเดินมาสอบถามความต้องการยาเสพติดอย่างไม่ขาดสาย เหตุเกิดในย่าน Colaba สินค้านำเสนอก็มีกัญชา กระท่อม และโคเคน แถมยืนยันด้วยว่า “ไม่ผิดกฎหมาย” ฮาๆๆๆ ไม่ต้องใช้ก็ขำแล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าเจอก็หัวเราะ กล่าวสวัสดี และเดินจากไปเท่านั้นครับ ขอย้ำ *มันผิดกฎหมายนะครับ*

\_(~o~)_/

No comments:

Post a Comment