Tuesday, 25 March 2014

ไปมาแล้ว...เกาะช้าง (เกาะ Elephanta) ตอน 3 (จบ) - ถ้ำและการจากลาชั่วนิรันดร์

และแล้วก็ถึงเป้าหมาย สถานที่ท่องเที่ยวแห่งเดียวของเกาะช้าง ถ้ำช้างนั่นเอง (ถ้ำ Elephanta)

เป็นไปตามคาด บูธขายตั๋วเข้าชมโบราณสถานตั้งเด่นอยู่ตรงหน้า ราคาต่างชาติ 250 รูปี ชนชาวแขก 10 รูปี ซึ่งเป็นราคามาตรฐานของรัฐมหาราษฏระ (Maharashtra)

ขอแทรก - ตามจริงแล้วผู้ถือหนังสือเดินทางไทยจะต้องได้รับส่วนลด โดยชำระค่าเข้าชมโบราณสถานต่าง ๆ ในอินเดียเท่ากับที่ชาวอินเดียจ่าย (เช่นกัน ชาวอินเดียก็ได้รับสิทธิจ่ายเท่าคนไทยในประเทศไทย) ตามความตกลงในกรอบ BIMSTEC [ดูรายละเอียดเพิ่มเติม] อย่างไรก็ตาม จะพบว่า เจ้าหน้าที่ประจำโบราณสถานส่วนใหญ่จะไม่ทราบและไม่ยอมรับ (โดยเฉพาะพวกไกลปืนเที่ยง) แม้จะนำเอกสารไปยื่นประกอบพร้อมแสดงหนังสือเดินทางก็ตาม

ในวันนั้น ได้เกิดการเจรจาราคาตั๋วซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจกัน ทั้ง ๆ ที่ ก็เข้าใจ จนสุดท้าย ผ่านด่านเข้าไปได้จึงสามารถเรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และถึงบางอ้อว่า อ๋อ ... โกงนี่หว่า แต่ไม่ได้โกงผมนะครับ โกงบ้านเมืองตัวเอง

เขาทำกันแบบนี้ครับ

วันนั้นไปกัน 5 คน ค่าตั๋วรวมทั้งหมดต้อง 1,250 รูปี มี 2 คนได้ลดราคา เหลือคนละ 10 รูปี รวมเหลือ 770 รูปี ผมก็ยื่นให้ไป 500 รูปี คนขายก็บอกให้เข้าด้านในได้เลย ความงงจึงบังเกิด คือผมไม่อยากโกงแขกครับ โดยเฉพาะกับของหลวง กลัวต้องกลับมาใช้กรรมครับ

ผม - "ทำไมแค่นี้ ยังไม่ครบนะ แล้วที่จ่ายไปแล้วเอาตั๋วมาสิ" พร้อมพยายามหาข้อสรุปเรื่องราคาว่ารวมเท่าไหร่กันแน่

จากนั้นผู้ช่วยคนขาย (ยาม) ก็มาลากไปคุยต่อนอกคิวซื้อตั๋ว ตอนนั้น งงมากว่าทำไมเข้าใจไม่ตรงกับคนขาย มันจะไม่ตรงกันได้อย่างไร อธิบายอยู่ 3 รอบ สุดท้ายจ่ายไป 750 รูปี จาก 770 รูปี

ผู้ช่วยคนขาย - "ไม่เป็นไร ๆ อีก 20 รูปีไม่ต้อง"

ไอ้เราก็งง ว่าทำไม อ่ะ เออว่าไงว่าตามกัน แค่ 20 รูปี จากนั้นก็ทวงตั๋วครับ คือจ่ายเงินแล้วไม่ให้ตั๋ว สุดท้ายได้รับสิ่งที่คล้ายตั๋วจากคนขายมา 3 ใบ แบบตัดรำคาญ ส่วนอีก 2 คน เหมือนได้แถมฟรี ผมเลยไม่ได้สนใจมากครับ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยังคิดทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้น โดนแขกหลอกอีกรึเปล่า พลาดตรงไหน ... มันขุ่นข้องหมองใจครับ

จากนั้นก็มีการตรวจตั๋วเป็นธรรมดา คือ ยื่นสิ่งที่คล้ายตั๋วนั้นไป เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วก็เก็บไปเลยทั้งอัน เราก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไร จนกระทั่งเห็นคนอื่นถือหางตั๋วเท่านั้นแหละครับ เหมือนเห็นแสงสว่าง ... อิกคิวซังมาเอง เสียงแบบอุ่นอาหารไมโครเวฟเสร็จ "ติ๊ง" พร้อมกับหลอดไฟบนหัวติดพรึบ

สิ่งที่คนขายตั๋วให้มาคือ ส่วนสั้นของตั๋วที่จะถูกฉีกเก็บโดยเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋ว สรุปแล้ว จึงไม่มีใครได้ตั๋วจริง ไม่มีการขายตั๋วเกิดขึ้น เงินค่าตั๋วที่จ่ายไปไม่เข้าหลวงแน่นอน อย่างน้อยคนขายตั๋ว ผู้ช่วยฯ และคนตรวจตั๋วต้องรู้เห็น ไม่น่าล่ะ ผู้ช่วยฯ ถึงต้องให้ไปคุยนอกคิว เราก็นึกว่าจะได้ไม่ขวางคนอื่น ลืมคิดไปว่าปกติ อินเดียไม่มีสนเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว คนอื่นรอคนอื่นเดือดร้อนกูไม่สน ให้เรื่องกูเสร็จเป็นใช้ได้

จากนั้น จึงชมถ้ำด้วยความสบายใจ

ถ้ำมีทั้งหมด 5 ถ้ำ ถ้ำที่ดีที่สุดคือ ถ้ำแรก ปรากฏประติมากรรมนูนสูงตามผนังอย่างงดงาม เช่น รูปพระศิวะ พระตรีมูรติ เป็นต้น สิ่งที่พบในทุกถ้ำคือ ศิวลึงค์ ซึ่งมักจะอยู่ในห้องกั้นเป็นสัดส่วน ถ้ำ 2-5 ยากจะอธิบาย เพราะไม่รู้จะอธิบายอะไรครับ ในความเห็นผมมันไม่มีอะไรเลยจริง ๆ ยิ่งถ้ำสุดท้าย จะมีดีก็แค่มีห้องน้ำอยู่ตรงนั้น ไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครเดินไปชมเพราะสภาพถ้ำไม่ต่างจากถ้ำธรรมชาติตกแต่งด้วยขยะ และมีเพียงศิวลึงค์ขนาดสูงไม่เกิน 2 ฟุต ครึ่ง ตั้งอยู่กลางถ้ำ

ราคาน้ำดื่มแพงกว่าราคาปกติเล็กน้อย รับได้ครับ แต่ก็ระวังนะครับ มีความกะล่อนพยายามตอดเล็กตอดน้อยตลอดเวลา เช่น ถามราคาน้ำ

ผม - "one bottle water. how much?"
คนขาย - "35 Rs."
ผม - "not 30?"
คนขาย - "yes yes, you give me 40. I give you 10"  อารมณ์แบบ ก็ใช่ไง 30 รูปี ...

ไหลลื่นเมือกปลาดุกมากครับ จริง ๆ แล้วน้ำขวดละ 18 รูปี ครับ แต่ผมเห็นว่า ซื้อบนเกาะ เลยไม่สนใจนัก แต่พอดีซื้อร้านหน้าถ้ำขายเพียง 30 นี่มาด้านล่างขาย 35 เลยสงสัยนิดหน่อย

ขากลับ ก็ต้องย้อนกลับทางที่มา เหมือนเดิมทุกประการ จะต่างก็ตรงที่ได้นัางรถไฟโดยไม่ต้องแก่งแย่ง และได้ขึ้นเรือที่ใหญ่และสภาพดีขึ้นกลับสู่มุมไบ ... ต้องแสดงตั๋วเรือก่อนขึ้นนะครับ

ทิ้งท้ายเล็กน้อย เมื่อเรือออก แขกก็เริ่มงัดขนมออกมากินกันครับ แน่นอนมีถั่วปรุงรสเครื่องเทศที่แสนจะโปรดปรานกัน ทานกันอย่างเมามัน หลังทานเสร็จก็ปัดมือให้เศษผงเครื่องเทศหลุดจากตนเอง ลอยตามลมเข้าปะทะหน้าคนที่นั่งท้ายลม ... แบบไม่สนใจ ... เชื่อว่า คิดเรื่องแบบนี้ไม่ได้ครับ โชคดีผมแค่เป็นพยานในเหตุการณ์ 

สรุปว่า ใช้เวลาชมถ้ำ 40 นาที อีก 4 ชม. หมดไปกับการเดินทาง ทั้งเรือ รถไฟ และเดินเท้า เสียเวลา เสียอารมณ์ เสียรู้ และเสียความรู้สึก อีกเรื่อยเปื่อยตลอดทาง

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คงต้องลากันแบบลาขาด คงไม่ไปเหยียบอีกแน่แล้ว หากไม่จำเป็น ใครจะไปก็ตามสะดวกนะครับ แต่ถ้าถามผม ไปออรังกาบัดดีกว่าแบบเทียบกันไม่ได้ครับ ถ้ำที่ออรังกาบัดและเกาะช้างล้วนได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกโดย UNESCO ครับ

ข้อมูลเพิ่มเติม ตามนี้เลยครับ

>> en.wikipedia.org/wiki/Elephanta_Caves
>> www.maharashtratourism.gov.in/mtdc/HTML/MaharashtraTourism/TouristDelight/Caves/Caves.aspx?strpage=ElephantaCaves.html


* * * * * * * * * * *



No comments:

Post a Comment