เมื่อปลายเดือน ก.พ. 57 ได้มีโอกาสไปเยือน "เกาะช้าง" ที่เรา ๆ ชาวไทยในมุมไบเรียกขานกัน ซึ่งก็เป็นการแปลมาแบบตรง ๆ จากชื่อจริงว่าเกาะ Elephanta
เกาะนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกของมุมไบ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่รัฐมหาราษฏระถือเป็นหน้าเป็นตาอยู่เหมือนกัน ในแง่ของสถาปัตยกรรมทางศาสนาเพราะเกาะนี้มีถ้ำที่ขุดเข้าไปในภูเขาทำเป็นศาสนสถานของศาสนาเจน (หรือเชน) และฮินดู คล้ายกับถ้ำอันโด่งดังอย่างถ้ำเอลลอร่า (Ellora) แห่งเมืองออรังกาบัด (Aurangabad) และที่สำคัญตั้งอยู่ใกล้กับเมืองมุมไบมาก (ไปออรังกาบัด - รถทัวร์ 1 คืน / บิน 40 นาที จากตัวเมืองไปถ้ำอีก 40 นาที - 1 ชม. ครึ่ง) จึงเป็นโอกาสของเหล่านักท่องเที่ยวทั้งเจ้าบ้านและต่างชาติที่มีเวลาหรือทุนทรัพย์น้อย ประมาณว่าไหน ๆ มาถึงที่แล้วแต่ไม่มีโอกาสไปออรังกาบัด ก็ขอลองไปดูที่เกาะช้างเอาไอเดียสักหน่อย
ส่วนตัวผม ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามเกาะช้างแห่งนี้มาตั้งแต่เดินทางมาถึงมุมไบใหม่ ๆ โดยเฉพาะ "ถ้าเคยไปออรังกาบัดแล้ว ไม่ต้องไปหรอก เสียเวลา เทียบกันไม่ได้" ... แน่นอนครับ ผมไปเยี่ยมถ้ำที่ออรังกาบัดมาแล้ว 2 รอบ จึงไม่มีความคิดผุดขึ้นมาแม้แต่น้อยที่จะไปเหยียบเกาะช้าง ... แต่สุดท้ายก็มีเหตุให้ต้องไปจนได้
การไปเกาะช้างนั้นง่ายแสนง่าย (แต่ก็ชุลมุน มั่วซั่วตามประสาแขก) เพียงซื้อตั๋วที่ร้านซึ่งตั้งอยู่หน้า "ประตูสู่อินเดีย" (Gateway of India) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมุมไบ แล้วก็เดินไปขึ้นเรือด้านหลัง "ประตูฯ" เรือก็จะพาคุณโต้คลื่นเบา ๆ ไปถึงเกาะช้างสบาย ๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 15 นาที - 1 ชม. ครึ่งต่อเที่ยว เพราะฉะนั้นไป-กลับก็เผื่อไว้เลย 2 ชม. ครึ่ง - 3 ชม. ระหว่างทางก็มีวิวเมืองมุมไบให้ชม ซึ่งรวมถึงบริเวณท่าจอดเรือของกองทัพเรืออินเดียด้วย
ตั๋วเรือมีให้เลือกแบบธรรมดา กับแบบหรูหราไฮโซ ราคาต่างกันเพียง 30 รูปี พอเห็นราคาผมก็พุ่งเข้าหาตั๋วแบบหรูหราในทันที ด้วยราคาแสนถูก 150 รูปี คิดแค่เพียงว่า เอาฟระ !! เพื่อความอุ่นใจในเบื้องต้น
จากนั้นก็เดินหาที่ลงเรือแบบงมเข็มในบึงน้ำเน่า ไม่มีป้ายอะไรบอกทั้งสิ้น ข้อมูลตอนนี้มีแค่คนขายตั๋วชี้ ๆ บอกแบบเสียไม่ได้ว่า "เออ ... นั่นแหละ เข้าไปข้างใน" "go inside go inside" ไอ้เราก็นะ เห้ย inside ไหนฟระ ตาคนขายก็ตอบแบบปัดรำคาญ "inside. inside Gateway" ... คือ บริเวณล้อมรั่วของประตูฯ มันก็ไม่ได้เล็กไงครับพี่น้อง ผ่านด่าน รปภ. ตรวจค้นเข้าไปแล้วให้ไปทางไหนต่อล่ะ ไม่เคยเข้าไปสำรวจแบบถี่ถ้วนซะด้วย ... ปลงอารมณ์ 1 วินาที แล้วก็บอกตัวเองว่า "เออ เอาฟระ ไปตายเอาดาบหน้า" สุดท้ายถามตำรวจครับ ถึงจะพบทางลงเรือหลบด้านหลังประตูฯ
นาทีแห่งความมั่วก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ... มีทางลงอยู่ 4 ทาง แล้วไอ้ตั๋วเรือบริษัทนี้มันต้องทางไหน และเรือลำไหนไปเกาะช้าง ... แน่นอนครับ ไม่มีป้ายเช่นกัน มีเพียงคนตรวจตั๋ว คอยดูและฉีกตั๋ว ... ความมั่วเกินบรรยาย สุดท้ายก็ต้องถามชายฉีกตั๋ว
ผม - "this ticket where? here?"
ชายฉีกตั๋ว - "yes yes here. this boat on the left."
มองตามปลายนิ้วชายฉีกตั๋ว เห็นเรือไม้โทรม ๆ ที่น้่งเป็นแบบม้านั่งทำจากไม้กระดาน ความกว้างพอวางก้นได้ ม้านั่งวางตัวถอดยาวตามความยาวเรือ มีทั้งหมด 4 แถว หันหน้าเข้าหากัน ... ตลอดทางผู้โดยสารจึงมีโอกาสได้นั่งจ้องตากันอย่างเต็มอิ่ม ... ไรฟระเนี่ย
ผม - "you sure? this boat? not that one on the right? luxury na!!" (เรือทางขวาดูกีกว่าหน่อยและใหญ่กว่า เลยคิดว่า เห้ยยยย luxury นะเว้ย ลำนั้นรึเปล่า)
ชายฉีกตั๋ว - "no no. on the left" จบข่าว
แมร่งเอ้ย เนี่ยเหรอวะ luxury ... รับสภาพ ... ปวดตับจี๊ดถึงสมอง
ตั๋วก็แบบเรือข้ามฝากบ้านเรา ไม่มีกำหนดที่นั่ง จังหวะลงเรือจึงเกิดการช่วงชิง เพื่อพุ่งจับจองที่นั่ง แน่นอนครับ มีตั๋วไม่ได้แปลว่าจะมีที่นั่ง และเรือไม่แน่นไม่เต็ม ก็ไม่ออกครับ
สุดท้ายก็ได้ที่นั่งเสียดสีบั่นท้ายกะป้าแขกสมบูรณ์ ... ก้นแตะม้านั่งก็คิดทันทีว่าเมื่อไหร่จะถึงฟระเนี่ย ...
ยังครับ ยังไม่จบตอน เพราะดันมองไปเห็นชาวต่างชาติขึ้นเรือมา แต่เดินต่อเพื่อไปขึ้นอีกลำที่จอดแนบกันอยู่ และลำนั้นดูดีกว่าเป็นไหน ๆ ... ไม่รอช้าพุ่งไปเสี่ยงดวงถามเด็กท้ายเรือ ...
ผม - "you you, I go that boat, ok?" พร้อมกับชี้ไปยังเรือลำนั้น
เด็กท้ายเรือ - "no no" ... จบ
โชคยังดี ที่พักก้นไม่หาย ... นั่งลงด้วยความละเหี่ยใจ
และละเหี่ยหนักต่อไปอีกหลังจากมีคนชี้ให้ดูเสื้อชูชีพสีส้มดำเครอะจำนวน 4 ตัว ที่วางอยู่บนไม้โครงเรือเหนือหัว ... ผู้โดยสารทั้งสิ้นน่าจะไม่น้อยกว่า 60 คน ... คือ มีแค่นี้ ??? ความปลอดภัยเป็นเลิศ
ทันใดนั้นเองก็มีผู้ตาดีชี้ให้เห็นอุปกรณ์ชูชีพอีกอย่าง "นั่นไง ๆ เสื้อชูชีพแบบแขก ใช้ทีหนึ่ง ได้หลายคนด้วย" หันไปมองตามคำบอกก็เห็นแต่ม้านั่งไม้ ไม่มีอะไร ... "นั่นไง ๆ" พร้อมกับชี้ไปที่ท่อนไม้ขนาดสัก 3 มือโอบ ยาวสัก 3-4 เมตร ... ขำไม่ออก ... โชคดีครับ ดวงยังไม่ตกถึงขั้นต้องใช้
ต่อตอน 2 ครับ - รถไฟและบันไดสลัว
เกาะนี้ตั้งอยู่ทางตะวันออกของมุมไบ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่รัฐมหาราษฏระถือเป็นหน้าเป็นตาอยู่เหมือนกัน ในแง่ของสถาปัตยกรรมทางศาสนาเพราะเกาะนี้มีถ้ำที่ขุดเข้าไปในภูเขาทำเป็นศาสนสถานของศาสนาเจน (หรือเชน) และฮินดู คล้ายกับถ้ำอันโด่งดังอย่างถ้ำเอลลอร่า (Ellora) แห่งเมืองออรังกาบัด (Aurangabad) และที่สำคัญตั้งอยู่ใกล้กับเมืองมุมไบมาก (ไปออรังกาบัด - รถทัวร์ 1 คืน / บิน 40 นาที จากตัวเมืองไปถ้ำอีก 40 นาที - 1 ชม. ครึ่ง) จึงเป็นโอกาสของเหล่านักท่องเที่ยวทั้งเจ้าบ้านและต่างชาติที่มีเวลาหรือทุนทรัพย์น้อย ประมาณว่าไหน ๆ มาถึงที่แล้วแต่ไม่มีโอกาสไปออรังกาบัด ก็ขอลองไปดูที่เกาะช้างเอาไอเดียสักหน่อย
ส่วนตัวผม ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามเกาะช้างแห่งนี้มาตั้งแต่เดินทางมาถึงมุมไบใหม่ ๆ โดยเฉพาะ "ถ้าเคยไปออรังกาบัดแล้ว ไม่ต้องไปหรอก เสียเวลา เทียบกันไม่ได้" ... แน่นอนครับ ผมไปเยี่ยมถ้ำที่ออรังกาบัดมาแล้ว 2 รอบ จึงไม่มีความคิดผุดขึ้นมาแม้แต่น้อยที่จะไปเหยียบเกาะช้าง ... แต่สุดท้ายก็มีเหตุให้ต้องไปจนได้
การไปเกาะช้างนั้นง่ายแสนง่าย (แต่ก็ชุลมุน มั่วซั่วตามประสาแขก) เพียงซื้อตั๋วที่ร้านซึ่งตั้งอยู่หน้า "ประตูสู่อินเดีย" (Gateway of India) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมุมไบ แล้วก็เดินไปขึ้นเรือด้านหลัง "ประตูฯ" เรือก็จะพาคุณโต้คลื่นเบา ๆ ไปถึงเกาะช้างสบาย ๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. 15 นาที - 1 ชม. ครึ่งต่อเที่ยว เพราะฉะนั้นไป-กลับก็เผื่อไว้เลย 2 ชม. ครึ่ง - 3 ชม. ระหว่างทางก็มีวิวเมืองมุมไบให้ชม ซึ่งรวมถึงบริเวณท่าจอดเรือของกองทัพเรืออินเดียด้วย
ตั๋วเรือมีให้เลือกแบบธรรมดา กับแบบหรูหราไฮโซ ราคาต่างกันเพียง 30 รูปี พอเห็นราคาผมก็พุ่งเข้าหาตั๋วแบบหรูหราในทันที ด้วยราคาแสนถูก 150 รูปี คิดแค่เพียงว่า เอาฟระ !! เพื่อความอุ่นใจในเบื้องต้น
จากนั้นก็เดินหาที่ลงเรือแบบงมเข็มในบึงน้ำเน่า ไม่มีป้ายอะไรบอกทั้งสิ้น ข้อมูลตอนนี้มีแค่คนขายตั๋วชี้ ๆ บอกแบบเสียไม่ได้ว่า "เออ ... นั่นแหละ เข้าไปข้างใน" "go inside go inside" ไอ้เราก็นะ เห้ย inside ไหนฟระ ตาคนขายก็ตอบแบบปัดรำคาญ "inside. inside Gateway" ... คือ บริเวณล้อมรั่วของประตูฯ มันก็ไม่ได้เล็กไงครับพี่น้อง ผ่านด่าน รปภ. ตรวจค้นเข้าไปแล้วให้ไปทางไหนต่อล่ะ ไม่เคยเข้าไปสำรวจแบบถี่ถ้วนซะด้วย ... ปลงอารมณ์ 1 วินาที แล้วก็บอกตัวเองว่า "เออ เอาฟระ ไปตายเอาดาบหน้า" สุดท้ายถามตำรวจครับ ถึงจะพบทางลงเรือหลบด้านหลังประตูฯ
นาทีแห่งความมั่วก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ... มีทางลงอยู่ 4 ทาง แล้วไอ้ตั๋วเรือบริษัทนี้มันต้องทางไหน และเรือลำไหนไปเกาะช้าง ... แน่นอนครับ ไม่มีป้ายเช่นกัน มีเพียงคนตรวจตั๋ว คอยดูและฉีกตั๋ว ... ความมั่วเกินบรรยาย สุดท้ายก็ต้องถามชายฉีกตั๋ว
ผม - "this ticket where? here?"
ชายฉีกตั๋ว - "yes yes here. this boat on the left."
มองตามปลายนิ้วชายฉีกตั๋ว เห็นเรือไม้โทรม ๆ ที่น้่งเป็นแบบม้านั่งทำจากไม้กระดาน ความกว้างพอวางก้นได้ ม้านั่งวางตัวถอดยาวตามความยาวเรือ มีทั้งหมด 4 แถว หันหน้าเข้าหากัน ... ตลอดทางผู้โดยสารจึงมีโอกาสได้นั่งจ้องตากันอย่างเต็มอิ่ม ... ไรฟระเนี่ย
ผม - "you sure? this boat? not that one on the right? luxury na!!" (เรือทางขวาดูกีกว่าหน่อยและใหญ่กว่า เลยคิดว่า เห้ยยยย luxury นะเว้ย ลำนั้นรึเปล่า)
ชายฉีกตั๋ว - "no no. on the left" จบข่าว
แมร่งเอ้ย เนี่ยเหรอวะ luxury ... รับสภาพ ... ปวดตับจี๊ดถึงสมอง
ตั๋วก็แบบเรือข้ามฝากบ้านเรา ไม่มีกำหนดที่นั่ง จังหวะลงเรือจึงเกิดการช่วงชิง เพื่อพุ่งจับจองที่นั่ง แน่นอนครับ มีตั๋วไม่ได้แปลว่าจะมีที่นั่ง และเรือไม่แน่นไม่เต็ม ก็ไม่ออกครับ
สุดท้ายก็ได้ที่นั่งเสียดสีบั่นท้ายกะป้าแขกสมบูรณ์ ... ก้นแตะม้านั่งก็คิดทันทีว่าเมื่อไหร่จะถึงฟระเนี่ย ...
ยังครับ ยังไม่จบตอน เพราะดันมองไปเห็นชาวต่างชาติขึ้นเรือมา แต่เดินต่อเพื่อไปขึ้นอีกลำที่จอดแนบกันอยู่ และลำนั้นดูดีกว่าเป็นไหน ๆ ... ไม่รอช้าพุ่งไปเสี่ยงดวงถามเด็กท้ายเรือ ...
ผม - "you you, I go that boat, ok?" พร้อมกับชี้ไปยังเรือลำนั้น
เด็กท้ายเรือ - "no no" ... จบ
โชคยังดี ที่พักก้นไม่หาย ... นั่งลงด้วยความละเหี่ยใจ
และละเหี่ยหนักต่อไปอีกหลังจากมีคนชี้ให้ดูเสื้อชูชีพสีส้มดำเครอะจำนวน 4 ตัว ที่วางอยู่บนไม้โครงเรือเหนือหัว ... ผู้โดยสารทั้งสิ้นน่าจะไม่น้อยกว่า 60 คน ... คือ มีแค่นี้ ??? ความปลอดภัยเป็นเลิศ
ทันใดนั้นเองก็มีผู้ตาดีชี้ให้เห็นอุปกรณ์ชูชีพอีกอย่าง "นั่นไง ๆ เสื้อชูชีพแบบแขก ใช้ทีหนึ่ง ได้หลายคนด้วย" หันไปมองตามคำบอกก็เห็นแต่ม้านั่งไม้ ไม่มีอะไร ... "นั่นไง ๆ" พร้อมกับชี้ไปที่ท่อนไม้ขนาดสัก 3 มือโอบ ยาวสัก 3-4 เมตร ... ขำไม่ออก ... โชคดีครับ ดวงยังไม่ตกถึงขั้นต้องใช้
![]() |
เมื่อนั่งเรือออกจากท่าเรือตรงประตูฯ (ด้านขวาของภาพ) ก็จะได้เห็นภาพนี้ครับ ส่วนอาคารที่มีหลังคาทรงโดม คือ โรงแรม Taj Mahal Palace อันเลื่องชื่อของมุมไบ ส่วนเรือที่เห็น คือ เรือเฟอรี่ครับ |
ต่อตอน 2 ครับ - รถไฟและบันไดสลัว
๖(-_-)./
Nice blog, thank you for sharing your views and insights - very informative. If possible I would like to kindly recommend Bangkok Airport Transfer Van Service. Thank you for your time.
ReplyDelete