Wednesday, 4 July 2012

ดื่มสุรา ณ ที่นี้


ดื่มสุรา ณ ที่นี้
                        คนอินเดียส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู ซึ่งไม่มีข้อห้ามเรื่องการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม ดังที่ทุกท่านน่าจะเคยได้ยินได้ฟัง หรือประสบมากับตนเองแล้วสำหรับพฤติกรรมการดื่มของแขก ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อสิ่งเหล่านั้น “ฟรี” หรือออกแนวบุฟเฟ่ต์ เช่น บนเครื่องบินครับ ผมเห็นมาเยอะ พวกประเภทบั่นท้าย (ตูด) แตะเบาะเรียกหาพนักงานทันที ไม่มีรอเครื่องขึ้นครับพี่แกกระหายมาก แต่ก็ไม่มีใครเสิร์ฟหรอกครับ เอาน้ำเปล่าไปแทนก่อน พอเริ่มเสิร์ฟได้ ก็ non-stop ครับ เอาจนเครื่องลง กินไปเรื่อย แถมกระดกกันเร็วด้วย สงสัยกลัวไม่คุ้ม บางคนลุกมาเข้าห้องน้ำสภาพแบบใส่รองเท้าข้างเดียว เดินเป๋ไปเป๋มา อาศัยหัวคนที่นั่งอยู่ประคองตัวไปตามทาง แต่ไม่วาย ดื่มต่อ ... สงสารคุณแอร์จริง ๆ
                                ตอนแรกไม่เข้าใจว่าทำไมต้องดื่มขนาดนั้น จะเอาโล่ความคุ้มหรืออย่างไร สำหรับประเทศมุสลิมก็พอเข้าใจได้ ว่าคงมีบางคนที่เก็บกด คือ อยู่ในประเทศดื่มไม่ได้ หรือหาที่ดื่มได้ยาก แถมผิดกฎหมาย เลยซัดซะ แต่อย่างอินเดียที่ไม่มีข้อห้ามล่ะ?? พอได้ลองหาซื้อเหล้าที่นี่ก็เข้าใจครับ สุราต่างประเทศราคาสูงมาก อย่าง Black Label ขนาด 70 cl. บ้านเราน่าจะประมาณสักพันนิด ๆ ที่นี่ปาเข้าไป 4,300 รูปี (~ 2,580 บาท) แพงสนิท แพงกว่าเปิดใน pub ที่ กทม. อีก ในขณะที่วิสกี้ของอินเดียเองขวดหนึ่งไม่เกิน 1,000 รูปี (แต่ไม่ไหว เหม็นสนิท) แล้วเขามี single malt ด้วยราคาพอกัน และเหม็นสนิทเช่นกัน ไวน์ออสเตรเลียที่บ้านเราขายอยู่ไม่เกิน 500 บาท ที่นี่จัดไป 1,400 รูปี (~ 840 บาท) ทั้งหมดนี้ซื้อที่ร้านขายเหล้าโดยเฉพาะครับ เหมือนอารมณ์ร้านขายส่งเหล้าที่บ้านเรา (ร้านที่เหมือนโชว์ห่วยที่ขายแต่เหล้า)
                                สาเหตุที่เป็นเช่นว่าก็เพราะภาษีนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่นี่สูงมากครับ อยู่ที่ 150% สำหรับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ไม่เกิน 80% ทุกชนิด (เกินกว่านั้นมันยังกินได้เหรอเนี่ย .. O_o)
อินเดียผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เองหลายชนิด ที่เป็นที่นิยม คือ เบียร์ อย่าง Kingfisher ส่วนวิสกี้ก็มีหลายบริษัทให้เลือก ไวน์ก็มีเช่นกัน แหล่งทำไร่องุ่นอยู่ที่เมืองนาสิก (Nashik) แบรนด์ที่เคยลองก็มีไวน์แดงของ Valonne (กลิ่นคล้ายน้ำยาถูพื้นโรงพยาบาล ส่วนรสก็ไปกับกลิ่นล่ะครับ ดื่มแล้วทรมาน) กับ Sula (อันนี้ที่เคยลองก็ดีกว่า Valonne หลายขุมครับ แต่ก็ไม่พ้นกลิ่นน้ำยาถูพื้นจาง ๆ บางท่านจิตนาการล้ำลึกอาจบอกว่าเป็นกลิ่นหนังเก่า - ตามสะดวกเลยครับ) ส่วนรสก็พอไปได้นิด ๆ ครับจาง ๆ ไม่ค่อยมีอะไร ทั้งสองตัวนี้ มาจากนาสิกทั้งคู่ เจอเข้าไปทีเซ็งจมูกและเสียดายตังครับ
                                หลังจากได้เครื่องดื่มมาแล้วโดยยอมจ่ายแพงกว่า (คือ ไหน ๆ ก็จะเสียสุขภาพแล้ว ขอให้จังหวะเอาเข้าไปเนี่ยมันมีความสุขนิดนึงครับ จะได้คุ้มค่ากับสุขภาพที่บั่นทอนลงไป) ก็มาว่ากันต่อด้วยเรื่องการดื่ม
ตามกฎหมาย ณ ที่นี้ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะต้องมีอายุ 25 ปีขึ้นไป และจะต้องมีใบอนุญาตครับ (เพิ่งเริ่มเข้มเมื่อ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา - อันนี้ตามที่ถามพนักงานมานะครับ) ใช่ครับใบอนุญาต Drinking Permit / License … แต่ยังดีไม่ต้องไปสอบแบบใบขับขี่ (แต่ที่นี่คงซื้อเอานะผมว่า) โดยบาร์/ร้านจะคิดค่าใบอนุญาตรวมให้ในบิล ราคาคนละ 5 รูปี เรียกว่า one-day license ใบอนุญาต 1 ปี ราคา 100 รูปี ส่วนตลอดชีวิตก็ 1,000 รูปี ... ถูกมากครับ   ดื่มที่บ้านก็ต้องมีนะครับ เพราะถ้าโชคชะตาเล่นตลกโดนตำรวจบุกเจอก็ผิดนะครับ แม้จะดื่มที่บ้าน โทษก็มีปรับ 50,000 รูปี หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับครับ ที่นี่เขามีความสามารถในการทำให้ชีวิตคุณยุ่งยากในเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นสาระครับ
                                สรุป ... ใครจะมาที่นี่ ก็หิ้วเข้ามาเลยนะครับ (ตามกฎหมายได้ไม่เกิน 1 ลิตร/คน) คุ้มกว่าเยอะ อ้อ ลืมบอกไปว่า น้ำแข็งที่นี่สามารถส่งคุณเข้าโรงพยาบาลได้ง่าย ๆ (อย่าคิดว่าเหล้าฆ่าเชื้อนะครับ) ก็ต้องใช้ความพยายามในการหาที่สะอาด ๆ หน่อยนะครับ อยากเมาต้องสู้ครับ ไม่ก็อาศัยผสมกะมิกเซอร์เย็น ๆ เอาก็พอไหวครับ

\(^S^)/

2 comments:

  1. วิธีลดความน้ำหนักแบบเร่งด่วน: กินสลัดผัก ตามด้วยน้ำเปล่าใส่น้ำแข็งเยอะๆ

    ReplyDelete
  2. 6 ปีผ่านมาแล้ว ..
    ตอนนี้คือปี 2018 อยากทราบนะคะว่า
    ใบอนุญาตนี้ รวมไปถึง ปัญจาบ ด้วย ไหมคะ?
    .. พี่เพื่อนอยู่ที่โน่น เขาเคยไปนั่งดื่มเบียร์ ในบาร์ กับ ดื่มที่บ้านเขา ..

    ReplyDelete