เมืองมุมไบศูนย์กลางทางการเงินของอินเดีย
(คนอินเดียว่าอย่างนั้น
แต่ยังห่างไกลการเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาคอย่างที่ตั้งเป้ากันไว้มากนัก)
การคมนาคมขนส่งสาธารณะในเมืองนี้นับว่ามีความสะดวกสบายด้วยรถเมล์ (ขึ้นยากมากครับ เพราะไม่มีภาษาอังกฤษ แม้แต่ตัวเลขก็ไม่เป็นเลขอารบิก ดังนั้น จะขึ้นได้จึงต้องรู้ภาษาฮินดี)
รถไฟที่เชื่อมมุมไบเข้าด้วยกัน แต่ยังไม่มีประเภทรถไฟฟ้า หรือรถใต้ดินนะครับ
และที่สำคัญที่สุดคือ แทกซี่ที่มีจำนวนมากมายมหาศาล โดยแทกซี่ที่วิ่งตามท้องถนนทั่วไปจะเป็นแทกซี่มิเตอร์
เว้นแต่แทกซี่ที่โทรเรียกเป็นพิเศษ ก็ตกลงราคากันเอาครับ
แต่ส่วนใหญ่ก็จะมีมาตรฐานราคาอ้างอิงกันอยู่ เหมือนบริการรถเช่าพร้อมคนขับบ้านเรา
และมีอีกชนิดคือ ออโต้ริคชอว์ หรือสามล้อเครื่องนั่นเอง
อันนี้จะอยู่เฉพาะในบางพื้นที่เท่านั้นครับ เช่น มีกฎหมายห้ามเข้ามาวิ่งในเขตมุมไบใต้
แท็กซี่จะแบ่งเป็นหลายระดับตามสีสันที่ต่างกันไป
ระดับล่างสุด คือ แทกซี่ดำ-เหลือง ซึ่งไม่มีแอร์ (บางคันผมว่าผมก็เห็นแอร์นะ
แต่ไม่เปิดกัน ประหยัดครับ รถติดไฟแดงบางทีก็ดับเครื่องเลย
เหมือนจะเป็นสามล้อซะอย่างนั้น จึงคาดว่า คนขับคนนั้นอาจจะขับสามล้อเครื่องมาก่อน
จึงดับด้วยความเคยชิน) มิเตอร์จะเริ่มที่ 16 รูปี หรือประมาณ 9 บาท
และเงินจะเริ่มวิ่งหลังจาก 2 กม. แรกผ่านไปเหมือนบ้านเรา
ระดับต่อมา คือ แทกซี่สีฟ้า-ขาว สดใส จะเป็นรถแอร์ มิเตอร์เริ่มต้นที่ประมาณ 18
รูปี (ถามมานะครับ ไม่เคยขึ้นครับ)
ส่วนที่เหลือก็เป็นพวกที่จ้างเฉพาะกิจ
ผมเองใช้แต่ดำ-เหลือง
เพราะหาง่ายที่สุด (พวกสีฟ้า-ขาว มักจะจอดดักลูกค้าตามสถานที่อย่างโรงแรม
ร้านอาหารหรู ๆ หน่อย) ซึ่งจะมีรถหลายแบบ
แต่ส่วนใหญ่เป็นรถระดับเก่ามากถึงมากที่สุด มิเตอร์จะเป็นแบบหมุน (analog) โดยมิเตอร์จะอยู่นอกตัวรถในบริเวณที่ควรจะเป็นกระจกมองข้างฝั่งคนนั่งข้างคนขับ
(ที่นี่คนขับอยู่ขวาเหมือนไทย) โดยที่จะไม่มีกระจกมองข้างแต่อย่างใด
(จึงต้องอาศัยเสียงแตรส่งสัญญาณบอกคันหน้าว่า มีฉันอยู่ตรงนี้ไม่ไกล - ใกล้มาก
แล้วพอได้ยินเสียงแตรจึงมองกระจกมองหลังเอา)
ส่วนที่ใหม่ขึ้นมาก็จะเป็นมิเตอร์ดิจิตอลแบบที่เห็นในแท็กซี่บ้านเราครับ
อย่างที่บอกครับ
รถแทกซี่ดำ-เหลืองหาง่ายครับ มีเกลื่อนกลาด แต่ปัญหา คือ ไม่ค่อยอยากรับลูกค้า พี่บางคนบอกว่า
พวกนี้ จนแต่หยิ่ง แต่จริง ๆ แล้วคาดว่าเป็นเพราะเราเรียกไปใกล้ ๆ ไม่เกิน 2 กม. คนขับคงรู้สึกว่าได้ไม่คุ้มเหนื่อย
เพราะระยะทางแค่นั้นก็จะได้กัน 20 กว่า ๆ รูปีเท่านั้นก็ถึงที่หมายแล้ว
ยิ่งตอนค่ำ ๆ ยิ่งหยิ่ง แต่อย่าไปง้อครับ เดี๋ยวได้ใจ
ตอนนี้คนอินเดียก็ไม่พอใจที่แท็กซี่เป็นแบบนี้จึงมี นสพ. อินเดียนามว่า Hindustan Times
จัดโครงการส่งอาสาสมัครไปล่อเรียกแท็กซี่ (และสามล้อเครื่อง)
โดยให้เรียกไปในระยะใกล้ ๆ หากแทกซี่ปฏิเสธก็จะมีเจ้าหน้าที่จราจรจับ ยึดใบอนุญาต
และขึ้นศาลในวันต่อมา ใช่ครับปฏิเสธลูกค้าที่นี่ ขึ้นศาลครับ
(แทกซี่ไทยเอาแบบนี้ไหมครับ โดยเฉพาะพวกปฏิเสธคนไทยรอจับแต่ต่างชาติเนี่ย ??) ส่วนโกงมิเตอร์ เช่น ปรับแต่งมิเตอร์ให้วิ่งเร็วติดจรวด หากถูกจับได้จะโดนยึดใบอนุญาตเป็นกาถาวรครับ คือ (ตามหลัก) หมายความว่าคุณจะไม่สามารถประกอบอาชีพนี้ได้อีก แต่ไม่รู้เอาเข้าจริง ระบบข้อมูลอะไรต่าง ๆ มันจะดีขนาดตรวจสอบได้ว่าอีตานี่เคยโดนยึดใบอนุญาตไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้
พอได้แทกซี่แล้ว
ขั้นต่อไปคือ ลุ้นว่า คนขับทราบที่หมายเหมือนที่เราต้องการให้ทราบจริง ๆ หรือไม่
คนที่นี่ “thik hai” หรือ OK / yes
ลูกเดียว บอกอะไรไปก็ส่ายหัวให้ขึ้นรถตลอด (ส่ายหัวบนแกน Z (ค่าบนแกน Z ไม่เปลี่ยนแปลง) แปลว่า "ใช่ โอเค" เหมือนการพยักหน้าบ้านเรา แต่ถ้าส่ายบนแกน Y (ค่าบนแกน Y ไม่ขยับ) แบบของไทย ก็คือการปฏิเสธครับ)
ใจหนึ่งก็คิดว่าสงสัยกลัวไม่ได้ลูกค้า แต่ก็ เอ๊ะ ทำไมบางคันมันหยิ่งจัง
แต่นั่นแหละครับ ต้องลุ้นว่าเข้าใจตรงกันหรือไม่ ถ้าเราไม่รู้ทางก็แย่หน่อยครับ เพราะ
เราก็จะไม่รู้ว่าแท็กซี่พาไปไหน จะมารู้ก็ตอนคนขับบอกว่าถึงแล้ว ซึ่งหากผิด เราก็จะนั่งงงอยู่ชั่วอึดใจ
ก่อนรำพึงในใจว่า “แม่ง เอ๊ย ที่ไหนฟระเนี่ย” ผมเคยครับ แล้วสภาพก็เป็นแบบนั้นเลย
คือ เราไม่รู้ทางเลย พาไปผิด พาอ้อม เราก็ไม่รู้หรอกครับ (เป็นเรื่องที่เจอบ้าง โดยบางทีอาจจะเป็นความมึนจากใจจริงที่พาไปผิดทาง
เพราะคนขับที่นี่แปลกมาก ไม่ค่อยรู้ทางเท่าไหร่
หรือแกล้งมึนเพิ่มเลขบนมิเตอร์ก็เป็นได้ แต่อย่าไปคิดมากครับ ทำใจสบาย ๆ
แล้วคิดซะว่าทำทาน และถ้าคิดกลับเป็นเงินไทยแล้ว มันก็ไม่เท่าไหร่
อย่าไปเสียอารมณ์ครับ ถือว่าชมเมือง) คิดอยู่อย่างเดียวคือ ขอให้ถึงที่ ๆ
เราจะไปเป็นใช้ได้ แต่จะให้ดีศึกษาแผนที่ไว้หน่อยก็ดีนะครับ
แล้วถ้าคนขับหันกลับมาถามทางคุณล่ะ
คุณคิดว่าโชคดีหรือโชคร้าย ?? โดนมาแล้วครับ งงสิครับ
ไอ้ตอนขึ้นก็ถามย้ำแล้วย้ำอีกว่ารู้จักนะ (สงสัยรู้จัก แต่ไม่รู้ไปยังไง...ผมผิดเองที่ถามไม่ชัดเจน -_-" )
สักพักหันกลับมาถามทางหน้าตาเฉย ผมก็ “เอ่อ.. ไม่รู้ จะไปรู้ได้ไง รู้แต่ว่า
จะไปที่นี่... ไปที่นี่...” (มึนกับคุณคนขับรถจริง ๆ) หลัง ๆ
นี่ต้องศึกษาแผนที่ก่อนออกครับ เพื่อความแน่ใจ ไม่ใช่ว่าจะรู้ทางนะครับ คือ
มั่นใจว่าถ้าคนขับหันมาถาม จะได้ส่งแผนที่พร้อมจิ้มที่หมายให้ดู แบบนี้ไม่น่าพลาด
แต่จนกระทั่งบัดนี้ ก็ยังไม่ได้มีโอกาสแจกแผนที่ครับ อ้อลืมบอกไปว่า
หากไปเรียกแทกซี่พวกจอดรอตามสถานที่บางแห่งคนขับจะเรียกราคาเหมานะครับ โดยเฉพาะในยามค่ำคืน
รถแทกซี่รุ่นเก่า กับคนขับที่กำลังผ่อนคลายอิริยาบท ดูดี ๆ จะเห็นว่าไม่มีกระจกมองข้างครับ
รถแทกซี่ของเก่าทางมุมซ้ายล่าง กับรถแทกซี่ที่ใหม่กว่าอยู่หลังรถเมล์แดง
ทะเลสาบ ?!?! ... ไม่ใช่ครับ มันคือ ถนนหลังฝนตกได้สักพัก (พักเดียว)